หลัง “สตาร์ทติด” นับจากมีการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ ทางสมาคมฟุตบอลก็ใส่เกียร์เดินหน้าด้านการพัฒนาระบบการบริหารงานและการแข่งขัน รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนานักเตะ โดยมีเป้าหมายครองความเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียน ก่อนจะไต่สู่ระดับทวีป และระดับโลกในที่สุด ซึ่งในระดับภูมิภาคอาเซียน ถือว่าไทยทำสำเร็จแล้ว แม้บางช่วงบางปี เวียดนามจะเบียดแทรกขึ้นมาก็ตาม
เริ่มก้าวสู่ระดับทวีป
ส่วนระดับทวีป ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ทีมฟุตบอลไทย ทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ ต้องพัฒนานักเตะและระบบการเล่นต่อไป เพื่อให้สามารถก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในจำนวนทีมชั้นนำของเอเชีย เคียงคู่กับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอีกหลายทีมในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ การฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อก้าวสู่สนามระดับเอเชีย เริ่มมีสัญญาณที่สะท้อนถึงโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตอีกไม่ไกล นั่นคือ ไทยสามารถ “ส่งออกนักเตะ” ไปเล่นในเจลีกของญี่ปุ่นได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว ทีมในลีกสูงสุดของญี่ปุ่นจะมองหานักเตะจากอเมริกาใต้และยุโรปเป็นหลัก การหันมาเลือกผู้เล่นไทยจึงบ่งบอกถึงนักเตะไทยที่ได้รับเลือกว่ามีคุณภาพฝีเท้าระดับเอเชียแล้ว
ลุยเจลีกก่อนไปบอลโลก
ผู้เล่นไทยที่ไปค้าแข้งในเจลีกฤดูกาลนี้มี 4 คน ได้แก่ ชนาธิป สรงกระสิทธ์ และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เล่นให้ คอนซาโดเล ซัปโปโร ธีราทร บุญมาทัน เล่นให้ โยโกฮามา เอ็ฟ มารินอส และ ธีรศิลป์ แดงดา เล่นให้ ชิมิสุ เอส-พัลส์ นอกจากนั้น ยังมีแนวโน้มที่นักเตะไทยจะได้ย้ายไปเล่นในเจลีกเพิ่มอีกภายในปีนี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นพัฒนาการสำคัญที่จะช่วยให้สโมสรและทีมชาติของไทยก้าวขึ้นไปแข่งขันระดับเอเชีย ตามด้วยการแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและฟุตบอลโลก ทั้งนี้ ความหวังจะได้ไปบอลโลกไม่ใช่ความเพ้อฝัน เพราะทีมชาติหญิงของไทยนำร่องด้านความสำเร็จมาแล้ว จากการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้ใน 2 สมัยล่าสุด